โรคอ้วนลงพุง |
"โรคอ้วน" ต่างจาก "โรคอ้วนลงพุง" โดยโรคอ้วน สามารถวัดได้จากดัชนีมวลกาย (BMI) หากเกิน25 ถือว่าเป็นโรคอ้วน และโรคอ้วนลงพุง วิธีสังเกตคือ วัดรอบสะดือ ผู้หญิงมากกว่า 80 cm. วัดรอบสะดือ ผู้ชายมากกว่า 90 cm.
อ้วนลงพุงมีอันตรายมากกว่าโรคอ้วน สังเกตจากภาพเอ็กซเรย์จะพบไขมันเกาะบริเวณช่องท้องมากมาย ด้วยเหตุนี้จึงเสี่ยงต่อการเกิดเบาหวาน (ไขมันในช่องท้องสลาย --> เกิดพิษ --> อินซูลินทำงานแย่ลง --> เบาหวาน) โรคหลอดเลือดและสมอง เหนื่อยง่าย โรคหัวใจ ความดัน ไขมันเกาะตับ-->ตับอักเสบ ปวดข้อ ปวดเข่า ปวดหลัง ปวดเอว นอนกรนและยังเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง
ในขณะที่การแพทย์และสาธารณสุขเจริญก้าวหน้า และมีเทคโนโลยีต่างๆที่ช่วยอำนวยความสะดวกมากมาย ทำให้คนใส่ใจสุขภาพน้อยลง ประมาทในการดำเนินชีวิต ไม่ใส่ใจและตระหนักในเรื่องสุขภาพ มุ่งแต่หาเงินเพื่อสร้างความสะดวกสบายให้ชีวิต โดยลืมไปว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่คำตอบของการมีชีวิตและการมีสุขภาพที่ดี ซึ่งหนึ่งในปัญหาที่พบได้ตอนนี้ก็คือ โรคอ้วนลงพุง หากวิเคราะห์จากปัจจัยที่ ผศ.พญ.ดรุณีวัลย์ กล่าวจะพบว่า กรรมพันธุ์และการรับประทานยาบางชนิด เป็นเพียงสาเหตุส่วนน้อยของโรคอ้วนลงพุง สำหรับปัจจัยที่มีผลมากที่สุดน่าจะมาจากพฤติกรรมสุขภาพ การรับประทานอาหาร และการออกกำลังกาย ที่ควรปลูกฝังให้มีในคนไทยทุกคน เพื่อที่เราจะได้ห่างไกลจากโรคอ้วนลงพุง
ข้อเสนอแนะ
1.ตั้งเป้าหมายให้ตัวเองและพยายามปฏิบัติทุกวันด้วยความสม่ำเสมอ
2.รู้ว่าต้องทำอย่างไร มีการวางแผน
- ออกกำลังกาย ควรเลือกที่เหมาะสม สำหรับผู้มีน้ำหนักตัวมากควรเลือก เวท เทรนนิ่ง หรือออกกำลังกายในน้ำ เพื่อลดปัญหาที่จะเกิดกับข้อต่อ
- อาหาร ควรลดแป้ง น้ำตาล ของมัน ของทอด เพิ่มโปรตีน และเน้นผักให้ได้ครึ่งหนึ่งของแต่ละมื้อ
- งดพฤติกรรมเสี่ยง เช่น นั่งๆนอนๆ หรือใช้ลิฟท์แม้จะขึ้นลงเพียง1หรือ2ชั้น เป็นต้น