เว็บไซต์สำหรับคนรักสุขภาพ กับวิธีการดูแลสุขภาพ เรื่องของความสวยความงาม และทิปต่างๆ

วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556

วิตามินบี1 (ไทอะมีน) ประโยชน์ของวิตามินบี1 ที่น่าสนใจ !!



วิตามินบี1 (Vitamin B1) หรืออีกชื่อที่เรียกกันว่า ไทอะมีน โดยมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า วิตามินเสริมขวัญและกำลังใจ โดยจัดเป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ ร่างกายไม่สามารถที่จะเก็บสะสมไว้ได้ หากมีอยู่ในร่างกายปริมาณมากเกินไปก็จะถูกขับออกมา ดังนั้นวิตามินชนิดนี้จึงจำเป็นที่จะต้องได้รับอยู่ทุกวัน โดยแหล่งอาหารที่พบวิตามินชนิดนี้ก็ได้แก่ ผักต่างๆ นม ไข่แดง ปลา เนื้อสัตว์ โฮลวีท ถั่วเหลือง ข้าวโอ๊ต ถั่วลิสง รำข้าว เปลือกข้าว บริเวอร์ยีสต์ เป็นต้น

วิตามินบีนั้นมีมากกว่า 10 สิบชนิดและแต่ละตัวก็จะทำงานส่งเสริมซึ่งกันและกัน การรับประทานร่วมกันนั้นจึงมีประสิทธิภาพมากกว่าการรับประทานแบบเดี่ยวๆ โดยคุณควรได้รับประทานวิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี6 ในปริมาณเท่ากันจะมีประสิทธิภาพต่อร่างกายสูงสุด โดยปริมาณที่แนะนำให้รับประต่อวันสำหรับผู้ใหญ่ก็คือประมาณวันละ 1 - 1.5 มิลลิกรัม และสำหรับหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตรรับประทานวันละประมาณ 1.5 - 1.6 มิลลิกรัม

ประโยชน์ของวิตามินบี1 นั้นก็ได้แก่ช่วยรักษาโรคเหน็บชา ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกาย ช่วยบำรุงประสาทและกล้ามเนื้อ ช่วยทำให้หัวใจทำงานเป็นปกติ มีส่วนช่วยบำรุงสมอง สติปัญหาให้ดีขึ้น ช่วยบรรเทาอาการเมารถ เมาเรือ เมาเครื่องบิน ช่วยรักษาโรคงูสวัด ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวกหลังผ่าตัดทำฟัน และช่วยในการย่อยอาหารจำพวกแป้งได้เป็นอย่างดี

สำหรับผู้ที่ชอบรับประทานอาหารรสหวานจัด ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่เป็นประจำ ร่างกายจะต้องการวิตามินชนิดนี้เพิ่มมากขึ้น สำหรับผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิด หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร คุณควรได้รับวิตามินชนิดนี้มากกว่าปกติ หรือผู้ที่รับประทานยาลดกรดในกระเพาะหลังอาหารเป็นประจำ หรือผู้ที่อยู่ในสภาวะเครียด เจ็บป่วย มีอาการบาดเจ็บหลังผ่าตัดคุณควรรับประทานวิตามินบี1 เพิ่มมากขึ้น

เพิ่มเติมที่ : www.greenerald.com/วิตามิน/วิตามินบี1

วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556

สิวเสี้ยน กับวิธีการกำจัดสิวเสี้ยนอย่างได้ผลและปลอดภัย 100%


สิวเสี้ยน โดยปกติแล้มักจะเกิดจากการสะสมตัวของไขมันส่วนเกินใต้ผิวหนัง ซึ่งไปรวมตัวกันกับซากเซลล์ผิวที่ค้างอยู่ในรูขุมขนแล้วมารวมตัวกับแบคทีเรียหรือฝุ่นจนอุดตันที่รูขุมขน ในช่วงแรกอาจจะเป็นชนิดหัวขาว แต่ถ้าหากผ่านไปเรื่อยๆก็จะเปลี่ยนเป็นหัวดำ และผลเสียที่ตามมานั้นก็คืออาจจะทำให้รูขุมขนกว้างนั้นเอง โดยปกติแล้วสิวเสี้ยนจะมีมากตรงบริเวณปลายจมูก ข้างจมูก คาง แต่สำหรับบางคนอาจจะมีบริเวณไหล่ แขน รวมไปถึงหลังด้วย ซึ่งสิวเสี้ยนนี้ปกติแล้วเราจะพบได้ทุกเพศทุกวัย ซึงการรักษาสิวชนิดนี้โดยมากแล้วก็เพื่อบรรเทาอาการเท่านั้นไม่ได้หายขาดแต่อย่างใด

วิธีกำจัดสิวเสี้ยน

1. การกดหรือการบีบ วิธีหนึ่งที่ช่วยกำจัดสิวเสี้ยนออกไปได้ แต่เป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำอย่างมาก การจะกดสิวเสี้ยนออกนั้นคุณทายาละลายสิวมาก่อนแล้วประมาณ 1 เดือน

2. ยาละลายสิวเสี้ยน และสารในกลุ่มกรดวิตามินเอ เรตินเอเป็นตัวช่วยละลายสิวใช้ทาตอนที่ผิวแห้ง โดยใช้ทาประมาณ 1 เดือนสิวเสี้ยนจะค่อยๆ หายไปเอง แต่หากหยุดทาก็จะกลับมาอีกเช่นเคย โดยอาจเกิดการแพ้ระคายเคืองต่อผิวแต่ถ้าถึงขั้นทำให้ผิวลอกแล้วคุณควรจะหยุดใช้

3. มาส์กหน้าแบบทั่วไป ด้วยไข่ขาวทาจมูกแล้วใช้สำลีแห้งๆ แปะลงที่ไข่ขาว แล้วทาไข่ขาวทับสำลีและแปะสำลีทับลงไปอีกที ปล่อยไว้จนแห้งแล้วจึงลอกออก แต่ข้อเสียคือหลังทำเสร็จหน้าจะมันมากยิ่งขึ้น

4. มาส์กลอกหน้า เช่น มาส์กหน้าทองคำ แค่ทาทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วลอกออก ก็ได้ผลที่ดีเหมือนกันและไม่มีความเสี่ยงด้วย

5.แผ่นลอกสิวเสี้ยน ปิดทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วลอกออก แต่อาจจะทำให้เกิดสิวอักเสบตามมา

6. การแวกซ์ทั้งแบบร้อนและแบบเย็น เปิดให้บริการตามร้านเสริมสวยหรือคลินิกทั่วไปหรืออาจหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป แต่ผิวอาจจะไหม้ได้และอาจจะเกิดการถลอกได้ หากทำไม่ถูกวิธี

7. การดูดสิวเสี้ยนด้วยเครื่องดูดสิวตามคลินิกต่างๆ

8. การขัดผิว ก็เป็นอีกวิธีครับ แต่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะอาจจะเกิดบาดแผลได้และเป็นการทำลายเซลล์ผิวโดยตรง แม้ว่าสิวเสี้ยนจะหลุดออกมาแต่ก็หลุดออกมาไม่หมด

9. เลเซอร์กำจัดสิวเสี้ยน จะได้ผลดีกับสิวเสี้ยนหัวดำที่เกิดจากไขมันผสมกับคราบไคลอุดตันในรูขุมขน แต่หากเป็นสิวเสี้ยนธรรมดาการทำเลเซอร์คงไม่ได้ผลมากนัก แนะนำให้ใช้ยาละลายสิวเสี้ยนจะดีกว่า

เพิ่มเติม : www.greenerald.com/วิธีรักษาสิว-ฝ้า-กระ/วิธีกำจัดสิวเสี้ยน

โทนเนอร์ (Toner) การเลือกโทนเนอร์ โทนเนอร์ยี่ห้อไหนดี? ที่ดีที่สุด !!


โทนเนอร์นั้นยังเป็นสิ่งที่ใครๆหลายคนต่างก็มองข้ามและยังไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควร เพราะทำให้รู้ว่ามันดูยุ่งยากซับซ้อนเกินไป มีหลายขั้นตอนเกินไป ซึ่งจากผลสำรวจก็เป็นที่น่าตกใจว่าหลายๆคนไม่ได้ใช้โทนเนอร์ และยังไม่รู้ว่าโทนเนอร์นั้นมีความสำคัญและจำเป็นมากแค่ไหน ดังนั้นก่อนที่เราจะไปทราบว่าโทนเนอร์ยี่ห้อไหนดีนั้นเรามาลองดูกันก่อนว่าโทนเนอร์นั้นมันคืออะไร แล้วมันมีหน้าที่อะไร และมันใช้กันแบบไหน?

โทนเนอร์ จริงๆแล้วแปลว่าการปรับสภาพผิว โดยเป็ฯตัวช่วยในการปรับผิวก่อนทาครีมบำรุงต่างๆ มันจึงเป็นเสมือนใบเบิกทางความชุ่มชื้นให้แก่ผิวของเรา และหน้าที่สำคัญอีกอย่างของโทนเนอร์ที่ใครๆหลายคนอาจจะไม่รู้นั้นก็คือโทนเนอร์จะช่วยให้เครื่องสำอางหรือครีมบำรุงที่เราทาเข้าไปนั้นดูดซึมเข้าสู่ใต้ผิวได้ดีมากยิ่งขึ้นนอกจากนี้ยังช่วยในปรับสภาพผิวเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งหลังการล้างหน้า ช่วยลดความมันบนใบหน้าของเรา มีส่วนช่วยให้รูขุมขนดูกระชับขึ้นหากใช้เป็นประจำ และยังช่วยรักษาความสมดุลบนผิวหน้าของเราอีกด้วย

โทนเนอร์นั้นปกติแล้วเราจะใช้ในขั้นตอนสุดท้ายหลังการล้างหน้า โดยหน้าที่หลักของโทนเนอร์ก็คือการช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกใต้ผิวเพื่อให้แน่ใจว่าผิวหน้าของเราสะอาดและปราศจากสิ่งสกปรกแล้วจริงๆ และสิ่งที่ควรต้องรู้เกี่ยวกับโทนเนอร์ก็ได้แก่
1.โทนเนอร์ไม่ใช่ครีมบำรุงผิว ดังนั้นไม่ควรคิดว่าจะใช้มันแทนครีมบำรุงผิว
2.ถ้าหากคุณมีสิวก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
3.ถ้าคุณอยู่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหน ก็ไม่จำเป็นต้องใช้โทนเนอร์ก็ได้
4.โทนเนอร์ไม่ใช่ตัวทำความสะอาดผิวซะทีเดียว เพียงแต่มันจะช่วยทำความสะอาดเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
5.เมื่อทาโทนเนอร์แล้วควรทาเครื่องสำอางทับลงทันทีหรือจะทาหลังจากนั้น 1-2 นาทีก็ได้
6.โทนเนอร์ที่คุณควรเลือกมาใช้ไม่ควรจะมีกรดมากเกินไป
7.โทนเนอร์เป็นตัวช่วยทำให้เครื่องสำอางของคุณติดได้ทนนานยิ่งขึ้น

การเลือกใช้โทนเนอร์ให้เหมาะกับผิวหน้า โดยปกติแล้วโทนเนอร์นั้นจะมีอยู่ 2 ประเภท ซึ่งได้แก่ โทนเนอร์บำรุงผิว กับโทนเนอร์กำจัดสิ่งสกปรก ถ้าคุณเป็นคนผิวธรรมดาจนถึงมัน ก็ควรเลือกใช้โทนเนอร์ที่ช่วยขจัดสิ่งสกปรกและความัน แต่ถ้าคุณเป็นคนผิวแห้งก็ควรเลือกใช้โทนเนอร์ที่มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวและไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เป็นต้น

โทนเนอร์ยี่ห้อไหนดีที่สุด?
ต้องบอกไว้เลยว่าไม่มีโทนเนอร์ยี่ห้อไหนที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน ดังนั้นก่อนที่คุณจะเลือกซื้อควรเช็คสภาพผิวให้เรียบร้อยและให้แน่ใจเสียก่อนว่าคุณเป็นคนผิวแห้งหรือผิวมัน  เป็นสิวหรือไม่ หรือเป็นคนที่ผิวแพ้ง่ายหรือเปล่า และควรเลือกใช้โทนเนอร์ประเภทไหน ซึ่งยี่ห้อที่ขายดีในไทยเรานั้นหลักๆก็จะมีของ Neutrogena,SK-II,GARNIER ,Skinfood เป็นต้น ลองถามพนักงานดูครับ

เพิ่มเติม : www.greenerald.com/เครื่องสำอาง/โทนเนอร์ยี่ห้อไหนดี-โทนเนอร์ที่ดีที่สุด

ครีมกันแดดยี่ห้อไหนดี คือครีมกันแดดที่ดีที่สุดสำหรับ อ่านเลย !!


ครีมกันแดด ในปัจจุบันนั้นมีมากมายหลายยี่ห้อจึงเป็นการยากมากที่จะเลือกใช้ครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิวของเราหรือซื้อมาใช้แล้วถูกใจ ถ้าถามว่าครีมกันแดดยี่ห้อไหนดี มันคงเป็นคำถามที่ตอบยากแน่ๆ ซึ่งสิ่งที่คุณต้องทำความเข้าใจอย่างแรกนั้นก็คือสภาพผิวแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน เช่น คนยุโรปกับคนเอเชีย คนผิวคล้ำกับผิวขาว คนผิวแห้งกับคนผิวมัน รวมไปถึงคนที่ผิวแพ้ง่ายมากๆ ใช้อะไรก็แพ้ไปหมด ซึ่งการที่จะเอาความคิดเห็นของคนอื่นมาประกอบการตัดสินใจนั้นคงยังไม่เพียงพอต่อกันตัดสินใจแน่นอน ดังนั้นเรมาทำความรู้จักครีมกันแดดกันก่อนดีกว่า

ครีมกันแดดมี 3 ประเภท ดังนี้
1.Chemical Sunscreen มีส่วนผสมของสารเคมี ป้องกันแสงแดดด้วยการดูดซับรังสีแสงแดดเข้าไว้ในผิว เมื่อโดนแดดสักพักสารเคมีเหล่านี้ก็เสื่อมสภาพลง
2.Physical Sunscreen จะมีสารที่สามารถสะท้อนรังสี UVA และรังสี UVB ได้ และมีผลระคายเคืองต่อผิวหนังน้อยกว่าสารในกลุ่มแรก
3.Chemical-Physical Sunscreen รูปแบบผสม นั่นก็คือ ลดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ช่วยลดความขาวเมื่อทาครีมและเสริมประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดเพิ่มมากขึ้น

สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนการเลือกซื้อครีมกันแดด
1.ไม่มีครีมกันแดดที่เมื่อทาแล้วจะสามารถป้องกันแสงแดดได้ตลอดทั้งวัน และไม่มีครีมกันแดดชนิดไหนที่สามารถป้องกันแสงแดดได้ 100% (ควรทาซ้ำทุกๆ 3 ชั่วโมง)
2.เมื่ออยู่ในบ้านหรืออยู่ในร่มก็ตาม คุณก็ต้องททาครัมกันแดด
3.ครีมกันแดดที่ผสมในแป้งรองพื้น ก็ต้องทาซ้ำเหมือนครีมกันแดดทาผิวทั่วไป
4.ตอนเย็นแดดอ่อนๆ ก็ไม่ควรประมาทต้องทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอด้วย
5.ความจริงของค่า SPF ก็คือการป้องกันจะสูงขึ้นเรื่อยๆจนถึง SPF30 เมื่อเลยจุดดนี้อัตราการป้องกันก็จะขึ้นอย่างเอื่อยๆ แนะนำว่า SPF30 กำลังดีเน้นทาบ่อยๆจะดีกว่า แถมไม่เหนียวเหนอะก่อให้เกิดสิวอุดตันอีกด้วย
6.ความจริงก็คือกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆมักจะมีส่วนผสมของน้ำมันมาก อาจทำให้เหนียวเหนอะหนะและเป็นสิวได้
7.ครีมกันแดดนั้นไม่ต้องรอให้โตแล้วค่อยใช้ ควรใช้ตั้งแต่เด็กๆเลยจะดีมาก
8.รังสี UVA และรังสี UVB จะมีมากที่สุดในช่วง 10 โมงเช้าถึงบ่ายสาม ช่วงนี้ไม่จำเป็นก็อย่าออกไปไหน (ถ้าเป็นไปได้นะ)

วิธีการเลือกใช้ครีมกันแดดตามสถานการณ์อย่างเหมาะสม
1.ถ้าไม่ได้ไปไหนหรือทำงานอยู่ในอาคาร ออฟฟิส ไม่โดแสงแดดก็ควรจะทาครีมกันแดดสัก SPF15 กำลังดี
2.ผู็ที่เป็นต้องเดินนอกสถานที่ เจอแสงแดดบ่อยๆก็ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF15-30
3.สำหรับผู้ที่ทำงานกลางแจ้งหรือเที่ยวทะเล ก็ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF30 ขึ้นไปจะเหมาะสม และควรทาอย่างสม่ำเสมอ

แล้วครีมกันแดดยี่ห้อไหนมันดี?
ก็ขอตอบเลยว่าคือครีมกันแดดที่เหมาะสมกับสภาพผิวของเรา และใช้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์นั่นเอง ไม่ใช่อยู่บ้านแล้วทาครีมกันแดด SPF50 หรือไปที่ยวกลางแจ้งแต่กลับใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF15 ซึ่งถือว่าน้อยเกินไปนั่นเอง การเลือกซื้อต้องดูจากส่วนผสมเป็นปลัก ดูสภาพผิวของเราเป็นที่ตั้ง ไม่ควรหลงเชื่อคำโฆษณามาก เพราะไม่มีครีมกันแดดยี่ห้อไหนจะดีที่สุดสำหรับทุกคน

เพิ่มเติม : www.greenerald.com/เครื่องสำอาง/ครีมกันแดดยี่ห้อไหนดี-ครีมกันแดดที่ดีที่สุด

วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556

วิตามินเอ (Vitamin A) ประโยชน์และโทษของวิตามินเอที่ควรรู้ !!


วิตามินเอ (Vitamin A) จัดเป็นวิตามินที่ละลายได้ในไขมัน เพราะต้องใช้ไขมันและแร่ธาตุมาช่วยในการดูดซึมเจ้าสู่ร่างกาย ปกติแล้วร่างกายของคนเรานั้นจะเก็บสะสมวิตามินเอได้อยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรับประทานอาหารเสริมทดแทนแต่อย่างใด โดยวิตามินเอนั้นแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ วิตามินเอแบบสำเร็จที่เรามักเรียกกันว่า เรตินอล ซึ่งจะพบมากในอาหารที่มาจากเนื้อสัตว์ และอีกชนิดหนึ่งก็ได้แก่ โปรวิตามินเอหรือแคโรทีน ซึ่งชนิดนี้เราจะพบได้ทั้งพืชและสัตว์ โดยวิตามินเอนั้นโดยปกติแล้วจะมีหน่วยวัดปริมาณเป็น IU ซึ่งเป็นหน่วยวัดที่นิยมใช้กันมากที่สุด

การรับประทานวิตามินเอนั้นในปริมาณ 5,000 IU ต่อวันถือเป็นขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวัน เนื่องจากยังไม่ได้รับการจัดเป็นสารอาหารที่มีความจำเป็ฯต่อร่างกายอย่างเป็นทางการ และโดยทั่วไปแล้ววิตามินเอแบบเบต้าแคโรทีนในขนาดประมาณ 10,000-15,000 IU นั้นถือเป็นขนาดที่เพียงพอแล้วและเทียบเท่ากับขนาดที่แนะนำ ซึ่งวิตามินเอที่จะแนะนำให้รับประทานนั้นก็คือในรูปของเบต้าแคโรทีน เพราะไม่มีความเสี่ยงจากการรับประทานสะสมเหมือนวิตามินเอ แถมเบต้าแคโรทีนนั้นก็ช่วยป้องกันโรคมะเร็งบางชนิดได้อีกด้วย และยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่เป็ฯตันตรายต่อร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เป็นต้น

โดยแหล่งอาหารที่พบวิตามินเอนั้นก็ได้แก่ ตับ น้ำมันตับปลา ผักสีเหลืองและเขียวเข้ม แครอท ผักตำลึง คะน้า ชะอม กระถิน ผักโขม ฟักทอง บรอกโคลี แคนตาลูบ มะม่วงสุก แตงกวา ผักกาดขาว มะละกอสุก ไข่ นม มาร์การีน เป็นต้น ซึ่งโทษของวิตามินเอหากรับประทานในปริมาณมากนั้นก็ได้แก่มีอาการ เช่น ปวดกระดูก ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ประจำเดือนมาไม่ปกติ ผมร่วง ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ผิวลอก ผมร่วง ตามัว ผดผื่น อาการตับบวมโต เป็นต้น ซึ่งจะอันตรายอย่างมากหากคุณรับประทานในปริมาณ 50,000 IU ติดต่อกันเป็นเวลานาน และหญิงตั้งครรภ์ห้ามรับประทานวิตามินเอเสริมอาหารเด็ดขาดเพราะอาจจะทำให้แท้งบุตรได้

ประโยชน์ของวิตามินเอ ก็ได้แก่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น ส่งเสริมการเจริญเติบโตของร่างกาย ผิวพรรณ ผม ฟัน เหงือก และเพิ่มความแข็งแรงของกระดูก ช่วยรักษาโรคตาได้หลายโรค สร้างภูมิต้านทานต่อการติดเชื้อในทางเดินหายใจ หากใช้ทาบริเวณผิวหนังจะช่วยรักษาสิวได้ ลดริ้วรอยตื้นๆ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดระยะเวลาการเจ็บป่วยจากโรคต่างๆ ลดจุดด่างดำ รอยแผลเป็น รอยแผลสิวที่ผิวหนังได้ดี รักษาโรคถุงลมโป่งพองและไทรอยด์เป็นพิษได้ และยังช่วยรักษาโรคผิวหนังชนิดเป็นตุ่มพุพองที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ฝี ชันนะตุ และแผลเปิดต่างๆ เป็นต้น

เพิ่มเติม : www.greenerald.com/วิตามิน/วิตามินเอ

วิตามินอี (Vitamin E) ประโยชน์ของวิตามินอี แหล่งอาหารที่พบของวิตามินอี !



วิตามินอี (Vitamin E ) จัดเป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ ซึ่งถูกเก็บสะสมไว้ในตับ เนื่อเยื่อไขมัน เลือด หัวใจ กล้ามเนื้อ มดลูก อัณฑะ ต่อมใต้สมอง และต่อมหมวกใต โดยมีหน่วยวัดเป็น IU โดยวิตามินอีนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มซึ่งก็ได้แก่ โทโคฟีรอลและโทโคไทรอีนอล ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าวนี้จะแบ่งออกเป็น 4 รูปแบบซึ่งได้แก่ แอลฟา บีตา แกมมา และเดลตา ซึ่งขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันสำหรับผู้ใหญ่นั้นอยู่ที่ประมาณ 8-10 IU โดยปริมาณร้อยละ 70% ของขนาดที่แนะนำให้รับประทานั้นจะถูกขับออกทางอุจจาระเป็นส่วนใหญ่

วิตามิอีนั้นจะแตกต่างจากวิตามินที่ละลายในไขมันชนิดอื่นๆ เพราะร่างกายจะเก็บสะสมไว้ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้นคล้ายๆกับวิตามินบีและวิตามินซี โดยหน้าที่สำคัญของวิตามินอีนั้นก็ได้แก่มีความสำคัญออกฤทธิ์เป็นยาขยายหลอดลมและเป็ฯยาช่วยต้านการแข็งตัวของเลือก สำหรับการรับประทานวิตามินอีเสริมอาหารนั้นควรมีส่วนผสมของซีลีเนียมประมาณ 25 ไมโครกรีมต่อวิตามินอี 200 IU ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่เหมาะสมเพราะจะทำให้ประสิทธิภาพของวิตามินอีทำงานได้เป็นอย่างดี

แหล่งอาหารที่มีวิตามินอีนั้นก็ได้แก่ จมูกข้าวสาลี ขนมปังโฮลวีต ซีเรียลโฮลเกรน แป้งทำขนมปัง ไข่ ถั่วเหลือง น้ำมันพืชต่างๆ เมล็ดมะม่วงหิมพาน เมล็ดทานตะวัน กะหล่ำต่างๆ พิชผักใบเขียว ส่วนเนื้อของอะโวคาโด และปวยเล้ง เป็นต้น โดยศัตรูของวิตามินอีนั้นก็ได้แก่ ความร้อน ออกซิเจน กระบวนการแปรรูปอาหาร ธาตุเหล็ก คลอรีน อุณหภูมิที่ต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง เป็นต้น

ประโยชน์ของวิตามินอีนั้นก็ได้แก่ ช่วยในการชะลอวัยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้หลายชนิด ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านม ช่วยป้องกันการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันของคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี ช่วยปกป้องปอดจากมลพิษทางอากาศ ซึ่งจะทำงานร่วมกันกับวิตามินเอ เพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้กับโรคให้เม็ดเลือดขาวชนิดทีเซลล์ ช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลีย ช่วยป้องกันและสลายลิ่มเลือด ช่วยลดโอกาศเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจก ป้องกันแผลเป็นหนานูน ทั้งภายนอดและภายใน เร่งให้แผลไหม้บริเวณผิวหนังหายเร็วยิ่งขึ้น ช่วยในการป้องกันภาวะแท้ง บรรเทาอาการตะคริวหรือขาตึง ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและอัมพฤกษ์ อัมพาต และลดความเสี่ยงและความรุนแรงของโรคอัลไซเมอร์ได้

เพิ่มเติม : www.greenerald.com/วิตามิน/วิตามินอี

วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2556

สิวอักเสบ และวิธีการรักษาสิวอักเสบอย่างได้ผล และปลอดภัย 100%


สิวอักเสบ หรือสิวหัวหนอง โดยทั่วไปจะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนๆ บวมแดง แต่ถ้าเป็นเม็ดใหญ่มากๆเราจะเรียกว่าสิวหัวช้าง ซึ่งสาเหตุการเกิดสิวอักเสบนั้นโดยปกติแล้วมักจะเกิด
จากสิวอุดตันที่มีการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเชื้อแบคทีเรียก็ไปกระตุ้นสิวอุดตันทำให้เกิดการอักเสบ สำหรับสาเหตุหลักๆที่เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียนั้นก็ได้แก่การที่เราชอบไปแกะ
ไปเกาหรือไปบีบนั่นเอง และอีกสาเหตุสำคัญที่เกิดการอักเสบก็ได้แก่ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล ก็ทำให้เกิดสิวอักเสบได้เช่นกัน ซึ่งสิวชนิดนี้เรามักจะพบได้ในบริเวณหน้าผาก
แก้ม แผ่นหลังและลำคอ

หากคุณมีสิวอักเสบสิ่งสำคัญอย่างแรกที่คุณต้องรู้ก็คือห้ามไปบีบเพราะอาจจะทำให้เกิดแผลและเป็นรอยดำตามมาได้ ซึ่งจะใช้เวลานานมากกว่าจะหาย แถมปัญหาใหญ่ที่เรามัก
พบเจอได้บ่อยๆนั่นก็คือหลุมสิว หน้าขรุขระ ซึ่งการรักษาหลุมสิวนี้จะรักษายากมากๆและต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาค่อนข้างนานพอสมควร สำหรับวิธีการรักษาสิวอักเสบนั่น
ก็คือการรักษาความสะอาดด้วยการล้างหน้าอย่างถูกวิธี การพักผ่อนให้เต็มที่ การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เป็นต้น

วิธีรักษาสิวอักเสบ ที่เรารู้จักกันมากนั้นก็คือการใช้เจลหรือครีมแต้มสิวยุบ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สำคัญสำหรับผู้ที่กลัวเข็มฉีดยา ราคาก็ไม่แพงมากเมื่อทาแล้วประมาณ 1-2 วัน
ยุบ และอีกวิธีหนึ่งก็คือการฉีดสิวยุบตามคลินิกหรือโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งก็เป็นอีกวิธีการที่เห็นผลรวดเร็วภายใน 1-2 วันเหมือนกัน แต่ทั้งนี้คุณควรเลือกสถานพยาบาลหรือคลินิกที่ไว้ใจได้เท่านั้น เพราะการฉีดยาอย่างไม่ถูกวิธีหรือมีปริมาณมากเกินไปอาจจะทำให้เกิดรอยบุ๋มเมื่อสิวหายได้ โดยปกติแล้วหลังฉีด 2 ยุบถือว่าปลอดภัยที่สุด ถ้าเร็วเกินไปไม่เกิน 24 ชั่วโมงหายจะเสี่ยงต่อรอยบุ๋มมาก

เพิ่มเติม : www.greenerald.com/วิธีรักษาสิว-ฝ้า-กระ/วิธีรักษาสิวอักเสบ

วิธีทำให้รักแร้ขาวขึ้นอย่างแน่นอน และปลอดภัยต่อรักแร้ของคุณ !!



เป็นเรื่องปกติมากที่บริเวณใต้วงแขนของเราจะมีสีผิวที่คล้ำกว่าสีผิวบริเวณอื่นๆ ทั้งนี้เป็นเพราะว่าผิวบริเวณนี้เป็นส่วนที่ค่อนข้างจะบอบบางมากจึงทำให้เกิดรอยย่นต่างๆได้ง่ายมาก และยังรวมไปถึงบริเวณคอและขาหนีบอีกด้วย เมื่อมีรอยย่นการเสียดสีก็ย่อมเกิดขึ้นทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นดำคล้ำกว่าสีผิวส่วนอื่นๆมากกว่าปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนอ้วนก็จะเจอปัญหาเหล่านี้แทบทุกราย สำหรับวันนี้เรามาดูวิธีทำให้รักแร่ขาวกันดีกว่าว่ามีวิธีทำอย่างไรบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าคุณเองก็สามารถทำเองได้อย่างแน่นอน

วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2556

วิธีทำให้ผมยาวเร็ว วิธีเร่งผมยาวสารพัดวิธีที่เห็นและปลอดภัย !!



วันนี้เรามีวิธีวิธีทำให้ผมยาวเร็วสำหรับสาวๆ ใจร้อนมาฝากกัน มาเริ่มกันเลย วิธีแรกเริ่มด้วยการสระผมวันเว้นวัน ซึ่งในระหว่างที่คุณกำลังสระผมให้นวดเส้นผมและหนังศีรษะไปด้วยโดยใช้นิ้วของมือของคุณกดและนวดไปตามจุดต่างๆบนศีรษะอย่างน้อยประมาณ 3 นาที และในขณะที่คุณสระผมให้ก้มศีรษะลงด้วยก็จะดีมาก ซึ่งก็เป็นวิธีที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตได้ดีมีผลทำให้เส้นผมเจริญเติบโตได้ดีมากขึ้น เมื่อสระผมเสร็จแล้วให้คุณค่อยๆเช็ดผมให้หมาดๆ และห้ามขยี้เส้นผมหรือเป่าผมเด็ดขาด

วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2556

วิธีเพิ่มความสูงง่ายๆด้วยตัวคุณเอง ทำอย่างสม่ำเสมอเห็นผลแน่นอน !!



ในปัจจุบันสาวๆหนุ่มๆ รวมไปถึงวัยรุ่นต่างๆหลายๆคนต่างก็พบเจอกับปัญหาเรื่องความสูง ไม่ว่าจะมองไปไหนก็เจอแต่คนรอบข้างหรือเพื่อนที่ตัวสูงกว่า สาวที่กำลังตามจีบอยู่เธอก็ดันมาสูงกว่าเหล่าซะนี้ ทำให้ความมั่นใจหดหายไปแทบเป็นศูนย์ หรืออยากเป็นแอร์โฮสเสตสหรือสจ๊วตแต่ความสูงไม่ผ่านเกณฑ์ อยากเป็นนายแบบหรือนางแบบแต่ตัวยังไม่สูงได้เท่าที่ต้องการ จะทำอย่างไรดีเมื่อเราเจอปัญหาแบบนี้ วันนี้เราจึงมีวิธีเพิ่มความสูงแบบเห็นผลชัวร์ๆมาฝากกัน

About Us : เกี่ยวกับเรา


Greenerald Health

กรีนเนอรัลด์ เฮลท์ บล็อกสำหรับคนรักสุขภาพที่ต้องการหาความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ แบบครอบคลุมและรอบด้านจากผู้เชี่ยวชาญซึ่งอัพเดทให้อ่านกันทุกวัน

โดยเป็นบทความให้รู้เชิงวิชาการเกี่ยวกับสุขภาพ การดูแลสุขภาพทั้งชายและหญิง วิธีทำให้ผิวขาวหน้าใส วิธีการลดน้ำหนัก การลดความอ้วน สาระความรู้เกี่ยววิตามินและแร่ธาตุชนิดต่างๆ รวมไปถึงกรดอะมิโนแต่ละชนิด ประโยชน์ของผักผลไม้แต่ละชนิด อาหารเพื่อสุขภาพประเภทต่างๆ ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรไทยและต่างประเทศ โรคต่างๆและการรักษาโรคอย่างถูกวิธี และเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัว ชีวิตคู่และเซ็กส์ ฯลฯ

บทความของเราจะในแต่ละบทความ เป็นบทความที่เขียนขึ้นเองจากผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ และเป็นการเขียนมาจากประสบการณ์โดยตรง รวมถึงการให้คำแนะนำอย่างถูกต้องสำหรับผู้อ่าน สำหรับผู้ที่อ่านแล้วมีข้อสงสัยคุณสามารถสอบถามได้โดยตรง แล้วทางเราจะรีบตอบกลับอย่างเร็วที่สุด

ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชม.

Contact Us : ติดต่อเรา

วิธีลดน่องใหญ่ ให้เรียวสวยเหมือนดาราเกาหลี !!



ปัญหาน่องใหญ่เพราะกล้ามเนื้อ เมื่อเขย่งทีก็เห็นขึ้นเป็นลูกๆ คงเป็นปัญหาที่พบเจอได้บ่อยๆ ซึ่งทำให้สาวๆหลายคนต่างก็ขาดความมั่นใจและความเชื่อมั่นในตัวเอง จะออกไปข้างนอกทีก็ลำบากมาก กว่าจะเลือกชุดมาใส่ได้ เพราะกระโปรงที่เคยซื้อมาใส่ก็ไม่ได้คว้ามาใส่ซักที สำหรับวิธีการลดน่อนให้ได้ผลนั้นอย่างแรกเราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าที่น่องคุณใหญ่เพราะอะไรกันแน่ เพราะมันจะมีอยู่ 2 กรณีนั่นก็คือ น่องใหญ่เพราะไขมัน และน่องใหญ่เพราะกล้ามเนื้อ อันนี้จะเป็นคนละอย่างกันและวิธีการรักษาก็สวนทางกันด้วย หากเราไม่แน่ใจก็ต้องสอบถามแพทย์เพื่อความมั่นใจจะดีกว่า

วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556

เครื่องสำอางใช้อย่างไรไม่ก่อให้เกิดสิวอุดตัน !!


ปัญหาสิวคงเป็นปัญหาของคนส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนเราก็จะพบว่าเกือบ 70% ของคนทั่วไปแล้วก็ต่างเป็นสิวกันทั้งนั้น โดยในที่นี้สิวที่มีมากที่สุดนั่นก็คือสิวอุดตัน แต่คุณรู้หรือไม่ว่าปัญหาของสิวอุดตัน สิวเสี้ยน สิวผดทั้งหลายก็มีสาเหตุมาจากปัจจัยหลักๆเพียงไม่กี่ประการ โดยสาเหตุที่สำคัญนั้นก็ได้แก่การแพ้เครื่องสำอาง หรือเครื่องสำอางไปอุดตันรูขุมขนจนทำให้เกิดสิวขึ้นมานั่นเอง วันนี้เราจึงนำเคล็ดลับดีๆมาฝากสำหรับเครื่องสำอางที่ไม่ทำให้เกิดสิวมาฝากคุณสาวๆ กันค่ะ

วันจันทร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2556

ยาคุมฉุกเฉิน ประโยชน์ วิธีการรับประทาน ผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉิน !!



ยาคุมฉุกเฉิน เป็นยาที่ใช้ในกรณีที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น มีฤทธิ์เหมือนยาคุมกำเนิดแบบธรรมดา แต่จะมีปริมาณฮอร์โมนต่อเม็ดสูงกว่า และมีวิธีการรับประทานที่แตกต่างกันออกไปนั้นก็คือต้องรับประทานหลังจากมีเพศสัมพันธ์เท่านั้นและต้องรับประทานภายในเวลาที่กำหนดด้วย ซึ่งยาคุมฉุกเฉินมีไว้เพื่อช่วยลดโอกาสการตั้งครรภ์ให้ลดน้อยลงเท่านั้น ไม่ได้ความว่าจะป้องกันได้ 100%

วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2556

วิธีทำให้หน้าใส ด้วยตัวง่ายๆ ที่คุณเองก็สามารถทำเองได้ !!



วิธีทำให้หน้าใส ด้วยตัวคุณเองอย่างง่ายๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนเสียใหม่ คุณไม่ควรจะนอนดึกหรือเกินกว่า 4 ทุ่ม ช่วงระยะเวลาการนอน 3-4 ทุ่มกำลังดีจะทำให้ร่างกายพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ และนอนให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง คุณรู้หรือไม่ว่าการที่คุณนอนดึกหรือทำงานดึกๆดื่นๆกว่าจะได้นอนจะทำให้ร่างกายของคุณทรุดโทรมลงไปอย่างมากในระยะเวลาอันรวดเร็ว คุณจะอายุสั้นโดยไม่รู้ตัว ระบบต่างๆในร่างกายก็จะทรุดโทรมตามไปด้วย เช่น ระบบทางเดินหัวใจ ทางเดินอาหาร ระบบภูมิคุ้มกันโรคก็จะทำงานได้ไม่ดี

วิธีทำให้หน้าใสอย่างที่สองคุณควรสละเวลาหันมาออกกำลังกายบ้างอย่างน้อยอาทิตย์ 2 ครั้ง หรือวันเว้นวันได้ก็จะยิ่งดีมากเลยทีเดียว โดยออกกำลังกายด้วยการวิ่งก็ได้ครับง่ายๆเลย อย่างน้อยสัก 10-30 นาที ก็จะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง มีสุขภาพดีจากภายใน คุณจะสังเกตุได้อย่างแน่นอนถ้าคุณไม่เคยออกกำลังกาย เพราะผิวของคุณจะดูสดใสเปล่งปลั่ง ดูผุดผ่องขึ้นอย่างมากเลยละครับ และข้อถัดไปคุณควรดื่มน้ำให้ถูกเวลาและเป็นประจำสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 8 แก้วกำลังดี แต่ก็ไม่ควรจะดื่มน้ำมากเกินไปเพราะอาจจะเป็นอันตรายกับร่างกายได้

ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารใหม่ได้แล้ว พวกอาหารที่ไม่มีประโยชน์ อาหารมันๆเลิกกินไปได้เลยก็จะดีมาก หันมารับประทานผักหรือผลไม้สด เพราะผลไม้และผักต่างๆมีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดมากไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี วิตามินเอ วิตามินอี เป็นต้น ซึ่งวิตามินเหล่านี้ก็มีส่วนทำให้ผิวคุณใสนั้นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณไม่ควรที่จะรับประทานผลไม้หรืออาหารอย่างใดๆอย่างหนึ่งซ้ำๆ เพียงแค่เห็นว่ามันมีประโยชน์มากที่สุด คุณควรเลือกรับประทานให้หลากหลาย เพราะนอกจากจะไม่เป็นโทษแล้วยังได้ประโยชน์อย่างครอบคลุมอีกด้วย และถ้าเป็นไปได้งดการสูบบุหรี่และดื่มเหล้าได้ด้วยจะดีมากๆ เพราะสิ่งเหล่านี้มันเป็นตันเหตุทำให้ผิวพรรณของคุณเหี่ยวกว่าวัย แก่ก่อนวัยอันควร หน้าตาดูไม่สดใส แถมยังเป็นผลเสียกับสุขภาพภายในร่างกายด้วย

วิธีทำให้หน้าใสข้อสำคัญประการถัดมาก็คือคุณควรหลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดด ถ้าจำเป็นจริงๆ ครีมกันแดดสำคัญที่สุดในสามโลกเลย ควรพกติดตัวไว้ตลอดเวลา และที่สำคัญคุณก็ควรจะหลีกเลี่ยงมลภาวะเป็นพิษต่างๆ ไม่ว่าจะทางอากาศ ควันพิษ ทางน้ำเป็นต้น ข้อสำคัญถัดมาก็คือการรักษาความสะอาดคุณไม่ควรเข้านอนโดยที่ยังไม่ได้ล้างหน้า เมื่อล้างเสร็จถ้าจะให้ดีก็ใช้โทนเนอร์ทำความสะอาดซ้ำอีกทีจะดีมาก เป็นต้น ก็เป็นปัจจัยพื้นฐานของวิธีทําให้หน้าใส สำหรับบทความหน้าเราจะมาบอกวิธีทำให้หน้าใสแบบขั้นสูง เตรียมติดตามบทความกันได้เลย...

วันเสาร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2556

วิตามินซี (Vitamin C) ประโยชน์ของวิตามินซีกับสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเลิศ !!


วิตามินซี (Vitamin C) หรือกรดแอสคอร์บิก จัดเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ โดยทั่วปแล้วตัว์ส่วนใหญ่จะสามารถสังเคราะห์วิตามินซีเองได้ แต่สำหรับมนุษย์นั้นต้องได้รับจากการรับประทานอาหารจำพวกผลไม้เท่านั้น หรืออาจได้รับจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารก็ได้เช่นกัน โดยวิตามินซีมีหน้าที่สำคัญนั้นก็คือเป็นตัวช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระชั้นยอดที่ประสิทธิภาพสูงมาก และมีบทบาทสำคัญในการช่วยสร้างคอลลาเจนใต้ผิวเพื่อช่วยซ่อมเนื้อเยื่อต่างๆในร่างกาย ซึ่งวิตามินซีนั้นจะใช้หน่วยวัดเป็นมิลลิกรัมเพื่อบอกปริมาณ (mg. หรือ มก.)

วิตามินซีนั้นมีขนาดที่แนะนำให้รับประทานในแต่ละวันอย่างเป็นทางการอยู่ที่ประมาณ 60 มิลลิกรัมต่อวัน แต่สำหรับหญิงตั้งครรภ์หรือหญิงให้นมบุตรนั้นจะต้องการมากกว่านั้นนั่นก็คือประมาณ 70-100 มิลลิกรัมต่อวัน ข้อเท็จจริงที่คุณควรจะทราบไว้ก็คือ ร่างกายอาจสูญเสียวิตามินซีประมาณ 24-100 มิลลิกรัมไปอย่างรวดเร็วหากคุณสูบบุหรี่หนึ่งมวน ซึ่งกลุ่มคนหล่านี้รวมไปถึงผู้สูงอายุด้วยก็ควรที่จะได้รับวิตามินซีเพิ่มมากขึ้นกว่าปริมาณที่แนะนำ และที่สำคัญวิตามินซีจะถูกใช้ไปหมดยังรวดเร็วเมื่อคุณอยู่ในสภาวะเครียด มีผลทำให้คุณแก่เร็วนั่นเอง

หากร่างกายคุณได้รับวิตามินซีไม่เพียงพออาจจะเกิดโรคเลือดออกตามไรฟัน ดังนั้นควรรับประทานอย่าให้ขาดสำหรับแหล่งของวิตามินซีที่พบได้ทั่วไปนั้นหลักๆก็คือ ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ผักใบเขียว แคนตาลูป มัรฝรั่ง มะเขือเทศ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่เป็นต้น หรือจะเป็นในรูปของอาหารเสริมก็ได้เช่นกัน ซึ่งจะมีปริมาณตั้งแต่ 100-1,000 มิลลิกรัม แต่ถ้าเป็นในรูปของผงชงละลายน้ำปริมาณก็จากจะมากกว่านี้เช่นประมาณ 5,000 มิลลิกรัม แต่แนะนำให้รับประทานวันละประมาณ 500-4,000 มิลลิกรัม ไม่ควรจะรับประทานมากกว่าเพราะหากมากเกินไปอาจจะทำให้เกิดนิ่วได้ และยังมีอาการอื่นๆเพิ่มเติมอย่างเช่น อาการท้องร่วง ปัสสาวะบ่อย ผิวหนังมีผดผื่นขึ้นเป็นต้น

ประโยชน์ของวิตามินซี นั้นก็ได้แก่ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่และริ้วรอยแห่งวัย หากคุณรับประทานเป็นประจำสม่ำเสมอจะทำให้ผิวคุณนุ่มลื่นเนียนใสอย่างเป็นธรรมชาติๆ และยังมีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระจึงช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้ดีในระดับหนึ่ง และช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันได้อีกด้วย และยังช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรียชนิดต่างๆ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันป้องกันไข้หวัด ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เป็นต้น

วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2556

สิวอุดตัน กับวิธีการรักษาที่ต้นเหตุ เห็นผลอย่างปลอดภัย !!


สิวอุดตัน เป็นสิวที่พบได้บ่อยมาก เพราะมากกว่า 70% ของปัญหาสิวนั่นก็คือสิวอุดตัน ซึ่งสามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ โดยส่วนมากแล้วจะขึ้นบริเวณใบหน้า ลำคอ หลัง บริเวณลำตัวเป็นต้น ซึ่งจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน โดยสิวอุดตันนั้นจะแบ่งออกเป็นสองชนิดนั้นก็คือชนิดหัวปิดสีดำและหัวปิดสีขาว

วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2556

เครื่องสำอาง และประวัติความเป็นมา กว่าจะมาเป็นเครื่องสำอาง !!



เครื่องสำอาง (Cosmetics) หรือสารที่ใช้เพิ่มความสวยให้กับร่างกายมนุษย์ นอกเหนือจากอุปกรณ์ทำความสะอาดผิวต่างๆทั่วไป สำหรับการใช้เครื่องสำอางนั้นก็ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก การเติบโตของบริษัทเครื่องสำอางก็มีมากขึ้นตามไปด้วยเมื่อเทียบกับสมัยก่อน ซึ่งจะเป็นบริษัทใหญ่ในระดับนานาชาติมากกว่าระดับทั่วไป ตามประวัติแล้วเครื่องสำอางนั้นมีมาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ จีน อินเดีย เลยมาจนปัจจุบันนี้ โดยชาวกรีกนั้นเป็นชาติแรกที่มีการแยกเครื่องสำอางออกจากการแพทย์ และยังถือว่าการใช้เครื่องสำอางนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ปฏิบัติเป็นประจำ

ศิลปะการใช้เครื่องสำอางได้ถึงขีดสุดในระหว่าง 2 ศตวรรษแรกแห่งจักรวรริโรมัน หลังจากนั้นก็ค่อยๆ เสื่อมลง ต่อมาเมื่อจักรวรรดิโรมันตะวันตกล่มสลายลง ศิลปะการใช้เครื่องสำอางก็ได้แพร่หลายอีกครั้งเข้าสู่ยุโรป นอกจากนั้น ชาวอาหรับก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดความเจริญก้าวหน้าในการผลิตเครื่องสำอาง ซึ่งได้มีการดัดแปลงสูตรส่วนผสมต่างๆเพื่อให้ได้เครื่องสำอางที่มีคุณภาพดีขึ้น เช่น กระบวนการผลิตที่เน้นความสะอาดและบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น และมีการใช้แอลกอฮอล์มาเป็นส่วนผสมในการเป็นตัวทำละลาย เป็นต้น

เครื่องสำอาง การผลิตในช่วงแรกนั้นๆ การผลิตนั้นยังมีกรรมวิธีที่ไม่แน่นอนและปลอดภัย เครื่องสำอางบางชนิดจัดเป็นยา การผลิตก็มาจากความรู้ส่วนตัวที่ได้รับการสืบทอดมาหรือจากการค้นคว้าลองผิดลองถูกจนมาถึงปลายศตวรรษที่ 19 ได้มีผู้นำวิธีการทางวิทยาศาสตร์สมันใหม่เข้ามาช่วยในกระบวนการผลิต มีกรรมวิธีการผลิตที่แน่นอน ทำให้เครื่องสำอางได้คุณภาพมากยิ่งขึ้น และได้มีการพยายามปรับปรุงคุณภาพของเครื่องสำอางให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงปัจจุบัน

วิธีทำให้ผิวขาว อย่างยั่งยืนและปลอดภัย !!



วิธีทำให้ผิวขาวด้วยตัวเองแบบง่ายที่ใครๆก็สามารถทำเองได้ อย่างแรกก็คือการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงในแต่ละวัน เพื่อที่จะให้ร่างกายและระบบต่างๆได้พักบ้างเพื่อป้องกันการเสื่อมโทรมของร่างกาย อายุสั้น เป็นต้น ถัดมาคือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง เพื่อสุขภาพผิวที่ดี เปล่งปลั่งสดใสยิ่งขึ้น และเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นนิสัย เช่น ผักผลไม้ การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่เพราะจะทำให้ผิวคุณสวยใสยิ่งขึ้น และสิ่งสำคัญก็คืองดการดื่มเหล้าสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้ร่างกายดูไม่สดใส อันนี้ก็เป็นเรื่องพื้นฐานที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอครับ

วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556

ยาคุมกำเนิด ประโยชน์ของยาคุมกำเนิด และวิธีการรับประทาน !!


ยาคุมกำเนิด มีฤทธิ์ในการไปช่วยยับยั้งการตกไข่ของรังไข่ ทำให้ป้องกัรการตั้งครรภ์ได้เกือบ 100% ถ้าหากใช้อย่างถูกวิธี นอกจากจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้แล้ว ยาคุมกำเนิดยังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆอีกด้วย อย่างเช่น ช่วยให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอและตรงเวลายิ่งขึ้น ช่วยบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือน ช่วยบรรเทาอาการหงุดหงิด ความเครีย ความอ่อนเพลียของร่างกาย อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย มีส่วนช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง ช่วยให้ฮอร์โมนในร่างกายสมดุล ป้องกันโณคกระดูกพรุน และสำหรับบางยี่ห้อนั้นสามารถช่วยลดการเกิดสิว ความมันบนใบหน้าและทำให้ผิวพรรณสวยเรียบเนียนขึ้นอีกด้วย

วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2556

ผักบุ้ง (Morning glory) ประโยชน์ของผักบุ้งที่มากกว่าการบำรุงสายตา !!


ผักบุ้ง หรือผักทอดยอด( Thai Water Convolvulus , Morning glory , Water spinach , Water morning glory) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ipomcea aquatica Forsk. ในประเทศไทยจะแบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์หลักๆ คือผักบุ้งไทยและผักบุ้งจีน สำหรับผักบุ้งไทยเป็นผักบุ้งสายพันธุ์ธรรมชาติที่ขึ้นเองตามแม่น้ำลำคลองจะมียางมากกว่าผักบุ้งจีน ส่วนผักบุ้งจีนเป็นพันธุ์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ โดยส่วนมากที่นิยมปลูกขายก็คือผักบุ้งจีน เพราะลำต้นค่อนข้างขาว ใบเขียวอ่อน ดอกขาว มียางน้อยกว่าผักบุ้งไทย จึงได้รับความนิยมในการรับประทานมากกว่าผักบุ้งไทยนั่นเอง

น้ำมันปลา (Fish Oil) กับคุณประโยชน์ที่หลากหลาย !!

น้ำมันปลา คือ ส่วนที่สกัดมาจากจากส่วนของเนื้อ หนัง หัว หาง ของปลาโดยเฉพาะอย่างยิ่งปลาในเขตหนาว น้ำมันปลาประกอบด้วยประกอบด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 และกรดไขมันโอเมก้า-6 สำหรับกรดไขมันโอเมก้า-3 นั้นจะแบ่งออกเป็น EPA และ DHA เป็นหลักซึ่งเป็นกรดไขมันที่มีความจำเป็นต่อร่างกายอย่างมาก โดยร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ และสำหรับกรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า-6 นั้นก็มีความสำคัญเพราะช่วยลดไขมันได้เลือดได้ นอกจากนี้แล้วยังพบมากในน้ำพืชหลายชนิด เช่น น้ำมันข้าวโพด ดอกคำฝอย ดอกทานตะวัน ถั่วเหลือง เป็นต้น

วันจันทร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556

น้ำผึ้ง ประโยชน์และสรรพคุณของน้ำผึ้ง อาหารเพื่อสุขภาพ !!


น้ำผึ้ง เป็นผลผลิตของน้ำหวานจากดอกไม้และแหล่งอื่นๆ ที่ผึ้งงานนำมาเก็บสะสมไว้ โดยผ่านขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและทางเคมีแล้วสะสมไว้ในรังผึ้ง ซึ่งปกติแล้วน้ำผึ้งจะมีกลิ่น รส สี ที่ต่างกันออกไปตามชนิดของพืชนั้นๆ จึงทำให้สามารถระบุชนิดของน้ำผึ้งตามชนิดของพืชนั้นได้ๆ

ทับทิม (Pomegranate) ประโยชน์และสรรพคุณที่หลากหลาย !!


ทับทิม (Pomegranate) เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากอิหร่านทางตอนใต้ของอัพกานิสถาน ผลไม้ชนิดนี้ชอบอากาศที่หนาวเป็นพิเศษ เพราะว่าายิ่งอากาศหนาวมากเท่าไหร่เนื้อทับทิมก็จะยิ่งมีสีแดงเข้มมากขึ้นเท่านั้น และยังจัดว่าเป็นผลไม้มงคลของคนจีนเพราะทับทิมมีเมล็ดมากจึงสื่อความหมายถึงการมีลูกชายมากๆนั่นเอง และกิ่งใบของทับทิมก็นำมาใช้ประกอบในพิธีการต่างๆที่มีน้ำมนต์ พรมน้ำมนต์ โดยเชื่อว่ามีไว้ติดตัวจะช่วยในเรื่องการคุ้มครองภัยอันตรายต่างๆได้ด้วย