กีวี (Kiwifruit) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Actinidia chinensis มีต้นกำเนิดในประเทศจีน ต่อมามีผู้นำมาปลูกที่ประเทศนิวซีแลนด์และได้ทำการปรับปรุงพันธุ์ใหม่จนกลายเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุด และได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นกีวีตามชื่อของนกกีวีที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ ในประเทศไทยมีการนำเข้ามาปลูกเมื่อปี พ.ศ.2519 โดยปลูกมากที่ดอยอ่างขาง และดอยขุนวาง กีวีเป็นผลไม้ที่มีลักษณะรีรูปไข่ มีขนเล็กๆปกคลุมอยู่ทั่วผล มีเนื้อสีเขียว มีรสเปรี้ยวอมหวาน ชุ่มน้ำสามารถเก็บไว้ได้นานถึงสองสัปดาห์
ประโยชน์ของกีวีนั้นมีมากมาย เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด โดยเป็นผลไม้ที่ มีวิตามินสูงมาก ซึ่งรับประทานกีวีเพียง 1 ลูก จะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินซีมากถึงร้อยละ 155 ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยโอเมก้า-3 อีกด้วย ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นอย่างมากสำหรับร่างกาย เพราะร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ และยังจัดเป็นผลไม้ลดความอ้วนอีกด้วยเพราะ เพราะมีไฟเบอร์จำนวนมากที่ทำให้อิ่มเร็วและนาน
วิธีกินกีวีก็ง่ายๆสุด เพียงแค่นำผลมาตัดครึ่งแล้วใช้ช้อนตักเนื้อกีวีกินได้เลย หรือนำผลกีวีมาตัดหัวตัดท้ายออกแล้วใช้ช้อนคว้านเนื้อเป็นวงกลม เมื่อได้เนื้อมาก็นำมาสไลด์เป็นแผ่นๆ เป็นอันเสร็จ
สำหรับข้อเสียของกีวีนั้น ในบางรายอาจมีอาการแพ้ได้ แต่อาการแพ้ดังกล่าวถือว่ามีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากๆ แต่สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้กีวีสีเขียว คุณอาจจะไม่มีอาการแพ้กีวีสีทองก็เป็นได้ แต่ทั้งนี้ควรสอบถามแพทย์ก่อนที่จำรับประทาน
ประโยชน์ของกีวี่ เช่น อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยชะลอวัยและการเกิดริ้วรอยแห่งวัย ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส เป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตในร่างกาย ช่วยให้หลับง่ายและสบายมากขึ้น ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ในเลือด เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยป้องกันฟันผุ ซ่อมแซมกล้ามเนื้อและเส้นใยประสาท ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และไฟเบอร์จากกีวี่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติมที่ : http://www.greenerald.com/อาหารเพื่อสุขภาพ/ประโยชน์ของกีวี่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น